วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ตัวอย่างโครงงาน

โครงงานวิทยาศาสตร์ 

เรื่อง  กรดจากน้ำผลไม้ 

จัดทำโดย 
1.  นางสาวเยาวรัตน์  ตอสูงเนิน      เลขที่  32
2.  นางสาวสไบนาง  สนิทภักดี        เลขที่  42
3.  นางสาวสุมินตรา   ขวัญถาวร     เลขที่   45

วัตถุประสงค์
         1.  เพื่อศึกษาหาระดับค่าความเป็นกรดของน้ำผลไม้เมื่อนำมาผสมกัน
         2.  เพื่อศึกษาว่ากรดจากน้ำผลไม้ที่ผสมแล้วเติมเกลือละลายน้ำลงไปจะมีความสามรถใน ในการขจัดคราบสกปรกหรือไม่
         3.  เพื่อศึกษาหาความสามรในการกัดกร่อนของน้ำผลไม้เมื่อนำเกลือละลายน้ำมาผสม
       
 ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
          ประชาชนส่วนใหญ่นิยมดื่มน้ำผลไม้เพื่อคลายร้อยและกระหาย  บางครั้งก็นำนำผลไม้มาแปรรูปซึ่งเป็นการถนอมอาหารอีกรูปแบบหนึ่งหรือนำมารับประทานแทนของว่างก็ได้  กลุ่มของดิฉันจึงได้นำข้อมุลเหล่านี้มาคุยและปรึกษากันกับสมาชิกภายในกลุ่มว่าเราสามารถนำผลไม้บางชนิดที่มีฤทธิ์ความเป็นกรดมาขจัดคราบสกปรกบนเหรียญได้หรือไม่และถ้าต้องจัดระดับค่าความเป็นกรดเมื่อนำน้ำผลไม้มาผสมกับนั้นจะสามารถเรียงลำดับว่าอับว่าอันไหนมีค่าความเป็นกรดสูงสุดจากข้อสงสัยต่างๆเหล่านี้กลุ่มของดิฉันจึงได้คิดค้นจัดทำโครงงานนี้ขึ้นมา

บทคัดย่อ
           โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง กรดจากน้ำผลไม้ การทดลองนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ ทดสอบหาระดับความเป็นกรดและความสามารถในการกัดกร่อน โดยแบ่งการทดลองออกเป็น2ตอนดังนี้ คือ ตอนที่ 1 ศึกษาหาระดับค่าความเป็นกรด โดยการนำน้ำมะนาวผสมกับน้ำสับปะรด น้ำมะนาวผสมกับน้ำส้ม และน้ำสับปะรดผสมกับน้ำส้ม เพื่อทดสอบหาระดับค่าความเป็นกรด ว่าน้ำผลไม้ที่ผสมกันนั้น แบบใดมีค่าความเป็นกรดเรียงลำดับจากค่า และในตอนที่ 2 จะศึกษาเกี่ยวกับความสามารถในการกัดกร่อนของน้ำผลไม้ที่ผสมกันในตอนที่ 1 โดยการเติมเกลือละลายน้ำลงไปในน้ำผลไม้ที่ผสมกันไว้ทั้ง 3 แบบ แล้วหลังจากนั้นนำเหรียญที่มีคราบสกปรกมาใส่ในน้ำผลไม้ทั้ง 3 แบบ และสังเกตผลการทดลอง

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
             1.  ได้ทราบถึงระดับกรดเมื่อทำการทดสอบจากน้ำผลไม้เมื่อนำมาผสมกับและ
                       เรียงลำดับค่าจากมากไปหาน้อย
             2.  ได้ทราบถึงความสามารถในการขจัดคราบสกปรกของน้ำผลไม้ที่ผสมกันแล้วเติมเกลือละลายน้ำลง
                       ไปว่าสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการทำความสะอาดได้จริง
             3.   ได้ทราบถึงความสามรถในการการกัดกร่อนของน้ำผลไม้ที่ผสมกับแล้วนำเกลือละลายน้ำมาผสมว่า มีฤทธิ์กัดกร่อนจนสามารถขจัดสกปรกได้


คำศัพท์คอมพิวเตอร์

1.  minicomputer : คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก
    
2.  internal storage : หน่วยเก็บภายใน
    
3.  interpreter : ตัวแปลคำสั่งหรือชุดคำสั่งแปลคำสั่ง
    
4.  ISAM : วิธีเข้าถึงลำดับดรรชนี
    
5.  item : หน่วยข้อมูล เป็นหน่วยข้อมูลของกลุ่มความสัมพันธ์

6.  laser printer : เครื่องพิมพ์ใบ้ระบบแสงเลเซอร์
    
7.  light pen : ปากกาแสง
   
8.  local area network : ข่ายงานบริเวณเฉพาะหน้าที่
    
9.  LST : วงจรรวมความจุสูง
   
10. Machine language : ภาษาเครื่อง
   
11. magnetic storage : หน่วยความจำแม่เหล็ก
  
12. opreand : ตัวถูกดำเนินการ
    
13. Operating System : ระบบปฏิบัติการ
    
14. Operating code : รหัสดำเนินการ
    
15. personal computer : คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
   
16. pointer : ตัวชี้
   
17. primary storage section : หน่วยเก็บหลัก
   
18. printer : เครื่องพิมพ์
    
19. program : ชุดคำสั่ง
   
20. PROM : หน่วยความจำโปรแกรมลบไม่ได้
    
21. Modem : ตัวกล้ำและแยกสัญญาณ
   
22. Mouse : เมาส์
   
23. Multiprocessing : การประมวลผลหลายตัว
   
24. network data structure : โครงสร้างข้อมูลแบบเครือข่าย
   
25. nonvolatile storage : หน่วยความจำไม่ลบเลือน
   
26. offline : นอกสายหรือไม่เชื่อมตรง
    
27. Online : ในสายหรือเชื่อมตรง
    
28. Simulation : การจำลอง
   
29. Software : ส่วนชุดคำสั่ง
   
30. String : อักขระ
  
31. Structured programming : การเขียนโปรแกรมโครงสร้าง
     
32. System : ระบบ
    
33. System analyst : นักวิเคราะห์ระบบ
   
34. System design : การออกแบบระบบ
  
35. Terminal : เครื่องปลายทาง
  
36. Text : แฟ้มที่ประกอบด้วยตัวอักษร
    
37. Pseudocode : รหัสเทียมหรือรหัสจำลอง
    
38. RAM : หน่วยความจำเข้าถึงโดยสุ่ม
    
39. Real time : เวลาจริงหรือทันที
    
40. Record : ระเบียนหรือบันทึก
    
41. Register : เรจิสเตอร์
    
42. Relational data structure : โครงสร้างข้อมูลเชิงสัมพันธ์
    
43. RAM : หน่วยความจำอ่านอย่างเดียว
    
44. Semiconductor storage : หน่วยเก็บแบบสารกึ่งตัวนำ
  
45. Serial access : การเข้าถึงโดยลำดับ
    
46. Time sharing : การแบ่งเวลาการใช้เวลา
    
47. Top-down methodology : วิธีการจากบนลงล่าง
  
48. Variable : ตัวแปร
    
49. Virtual storage : หน่วยเก็บเสมือน
    
50. VLSI : วงจรรวมความจุสูง
  

ขั้นตอนการทำโครงงาน

ขั้นตอนการทำโครงงาน

ขั้นตอนการทำโครงงาน

ขั้นตอนที่   1  การคิดเลือกหัวเรื่อง

ขั้นตอนที่  2  การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง เป็นการหาหัวข้อในการทดลอง ที่อยากรู้อยากเห็น  รวมถึงการขอคำปรึกษา หรือข้อมูลต่างๆจากผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้อง
ขั้นตอนที่   3  การเขียนเค้าโครงของโครงงาน   เค้าโครงของโครงงานมีหัวข้อดังนี้
หัวข้อรายการ
รายละเอียดที่ต้องระบุ
1.ชื่อโครงงาน
2.ชื่อผู้ทำโครงงาน
3.ชื่อที่ปรึกษาโครงงาน
4. หลักการและเหตุผล
5.จุดหมาย/วัตถุประสงค์
6.สมมุติฐานของการศึกษาโครงงาน
7.ขั้นตอนการดำเนินงาน
8. ปฏิบัติโครงงาน
9.ผลที่คาดว่าจะได้รับ

10. บรรณานุกรม
1. ทำอะไร กับใคร เพื่ออะไร
2. ผู้รับผิดชอบโครงงานนี้
3. ผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ
4. เหตุผลและความคาดหวัง
5. สิ่งที่ต้องการให้เกิดเมื่อสิ้นสุดการทำโครงงาน
6. สิ่งที่คาดว่าจะเกิดเมื่อสิ้นสุดการทำโครงงาน
7. ขั้นตอนการทำงาน เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ สถานที่
8. วัน เวลา และกิจกรรมดำเนินงานต่างๆตั้งแต่ต้นจนเสร็จ
9. สภาพของผลที่ต้องการให้เกิดทั้งที่เป็นผลผลิตกระบวนการ และผลกระทบ
10. ชื่อเอกสารข้อมูล ที่ได้จากแหล่งต่างๆ

ขั้นตอนที่   4 การปฏิบัติโครงงาน เป็นการดำเนินงานตามแผน ที่กำหนดไว้ในเค้าโครงของโครงงาน และต้องมีการจดบันทึกข้อมูลต่างๆให้ละเอียด และต้องจัดทำอย่างเป็นระบบ มีความระเบียบ เพื่อที่จะได้ใช้เป็นข้อมูลต่อไป
ขั้นตอนที่  5 การเขียนรายงาน ควรใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย กระชับ ชัดเจน และครอบคลุมประเด็นสำคัญของโครงงาน โดยสามารถเขียนให้อยู่ในรูปต่างๆ เช่น การสรุป การรายงานผล ซึ่งประกอบไปด้วยหัวข้อต่างๆ เช่น บทคัดย่อ บทนำ เอกสารที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
ขั้นตอนที่    6  การแสดงผลงาน เป็นการนำเสนอผลงาน สามารถจัดได้หลายรูปแบบ เช่น การจัดนิทรรศการ หรือทำเป็นสิ่งพิมพ์ การสอนแบบเพื่อนสอนเพื่อน ตามความเหมาะสมของโครงงาน




วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2557

กิจกรรม-โครงงานคอมพิวเตอร์

1.โครงงานคอมพิวเตอร์ หมายถึงอะไร :  การใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆ ในการศึกษาทดลองแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อนำผลงานที่ได้มาประยุกต์ใช้งานจริง หรือเพื่อใช้สร้างสื่อเสริมการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โครงงานคอมพิวเตอร์มีคุณค่าต่อการฝึกฝนให้ผู้เรียนมีความรู้ความชำนาญ และมีทักษะในการนำระบบคอมพิวเตอร์ไปใช้ในการแก้ปัญหา ประดิษฐ์คิดค้น หรือค้นคว้าหาความรู้ต่างๆ

2.โครงงานคอมพิวเตอร์มีกี่ประเภท : มีทั้งหมด 5 ประเภท
1. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media Development)
2. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development)
3. โครงงานจำลองทฤษฏี (Theory Simulation)
4. โครงงานประยุกต์ใช้งาน (Application)
5. โครงงานพัฒนาเกม (Game Development)

3.ตัวอย่างโครงงาน :

ชื่อโครงงาน ระบบควบคุมไฟจราจรอัจฉริยะ



การจราจรเป็นปัญหาใหญ่และสำคัญของประเทศ ส่งผลเสียทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมมูลค่ามหาศาล ด้วยการควบคุมไฟสัญญาญไฟจราจนในเวลาปัจจุบัน ทำให้ไม่มีความยืดหยุ่นต่อการควบคุมการจราจร ดังนั้นทางผู้พัฒนาระบบควบคุมสัญญาณไฟจราจรที่มีความยืดหยุ่นต่อสภาพการจราจรในปัจจุบัน เรียกว่าระบบควบคุมไฟจราจรอัจฉริยะ โดยมีการแบ่งระบบย่อยออกเป็นสองระบบ คือ ระบบที่ใช้ตรวจวัดสภาพารจราจรในปัจจุบันในแต่ละทางแยกจะใช้ทฤษฏีการประมวลผภาพในการทำงาน และระบบที่เป็นส่วนในการตัดสินใจควบคุมไฟจราจรจะใช้ Rule-Based Agent ในการเลือกการควบคุมในการแยกจะมีการติดต่อประสานงานระหว่าง Agent ที่อยู่ข้างเคียงผ่านเน็ตเวิร์ก โดยทั้งสองระบบจะทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการควบคุมสัยญาณไฟจราจร

http://www.vcharkarn.com/project/view/624



ชื่อโครงงาน ดิกส์พูดได้



จากการสำรวจนักเรียนการใช้ภาษาอังกฤษมีปัญหาในหลายด้านนักเรียนไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษ
ได้ถูกต้องและจากการวิเคราะห์การที่จะใช้ภาษาอังกฤษได้ดีและถูกต้องนั้นต้องเริ่มจากการจำคำศัพท์ ทาง
ผู้พัฒนาจึงพัฒนาโปรแกรมดิกพูดได้(Talking Dictionary)”ขึ้นมาเพื่อช่วยในการจำคำศัพท์โดย
เพิ่มฟังก์ชันให้กับโปรแกรม Dictionary คือ คำสั่งเสียง โดยผู้ใช้โปรแกรมนี้สามารถใช้คำสั่งเสียงใน
การค้นหาคำศัพท์ได้โดยสั่งเป็นตัวพยัญชนะภาษาอังกฤษทีละตัว โปรแกรมจะทวนคำศัพท์อีกครั้ง ผู้ใช้
โปรแกรมจะสามารถให้โปรแกรมอ่านคำศัพท์นี้กี่ครั้งก็ได้ นอกจากนี้โปรแกรม Talking
Dictionary นี้ยังสารถฝึกการออกเสียงภาษาอังกฤษที่ถูกต้องต่อผู้ที่ใช้โปรแกรมนี้ด้วยเพราะถ้าผู้ใช้
โปรแกรมออกเสียงไม่ตรงกับเสียงในระบบก็จะแสดงผลตัวอักษรผิดไม่ตรงกับที่ออกเสียงมา จากที่ทาง
ผู้พัฒนาได้เพิ่มฟังก์ชันการใช้ที่หลากหลายเข้าไปก็ทำให้โปรแกรม Dictionary ที่วิธีใช้คือการพิมพ์เพื่อ
หาคำศํพท์ดูน่าสนใจมากขึ้นเพราะมีฟังก์ชันหลากหลายสามารถเลือกใช้ได้ตามความถนัด และความสนใจ
และสะดวกในการใช้สำหรับผู้ที่พิการทางมือด้วย

http://www.vcharkarn.com/project/view/627






วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2557

บริการต่างๆบนอินเทอร์เน็ต

1. เสิร์ชเอนจิน (search engine) หรือ โปรแกรมค้นหา และคือ โปรแกรม ที่ช่วยในการสืบค้นหาข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลบน อินเทอร์เน็ต โดยครอบคลุมทั้งข้อความ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เพลง ซอฟต์แวร์ แผนที่ ข้อมูลบุคคล กลุ่มข่าว และอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างกันไปแล้วแต่โปรแกรมหรือผู้ให้บริการแต่ละราย. เสิร์ชเอนจินส่วนใหญ่จะค้นหาข้อมูลจาก คำสำคัญ (คีย์เวิร์ด) ที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป จากนั้นก็จะแสดงรายการผลลัพธ์ที่มันคิดว่าผู้ใช้น่าจะต้องการขึ้นมา ในปัจจุบัน เสิร์ชเอนจินบางตัว เช่น กูเกิล จะบันทึกประวัติการค้นหาและการเลือกผลลัพธ์ของผู้ใช้ไว้ด้วย และจะนำประวัติที่บันทึกไว้นั้น มาช่วยกรองผลลัพธ์ในการค้นหาครั้งต่อ ๆ ไป      


2. อีเมล  (e-mail, email) ย่อมาจาก จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (electronic mail) คือวิธีการหนึ่งของการแลกเปลี่ยนข้อความแบบดิจิทัลซึ่งออกแบบขึ้นเพื่อให้มนุษย์ใช้เป็นหลัก ข้อความนั้นจะต้องประกอบด้วยเนื้อหา ที่อยู่ของผู้ส่ง และที่อยู่ของผู้รับ (ซึ่งอาจมีมากกว่าหนึ่ง) เป็นอย่างน้อย บริการอีเมลบนอินเทอร์เน็ตในทุกวันนี้เริ่มมีการจัดตั้งมาจากอาร์พาเน็ต (ARPANET) และมีการดัดแปลงโค้ดจนนำไปสู่มาตรฐานของการเข้ารหัสข้อความ RFC 733 อีเมลที่ส่งกันในยุคคริสต์ทศวรรษ 1970 นั้นมีความคล้ายคลึงกับอีเมลในปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงจากอาร์พาเน็ตไปเป็นอินเทอร์เน็ตในคริสต์ทศวรรษ 1980 ทำให้เกิดรายละเอียดแบบสมัยใหม่ของการบริการ โดยส่งข้อมูลผ่านเกณฑ์วิธีถ่ายโอนไปรษณีย์อย่างง่าย (SMTP) ซึ่งได้เผยแพร่เป็นมาตรฐานอินเทอร์เน็ต 10 (RFC 821) เมื่อ พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) และเปลี่ยน RFC 733 ไปเป็นมาตรฐานอินเทอร์เน็ต 11 (RFC 822) การแนบไฟล์มัลติมีเดียเริ่มมีการทำให้เป็นมาตรฐานใน พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) ด้วย RFC 2045 ไปจนถึง RFC 2049 และภายหลังก็เรียกกันว่าส่วนขยายสื่อประสมในระบบอินเทอร์เน็ตแบบอเนกประสงค์ (MIME)
         ระบบอีเมลที่ดำเนินงานบนเครือข่าย มากกว่าที่จะจำกัดอยู่บนเครื่องที่ใช้ร่วมกันครื่องเดียว มีพื้นฐานอยู่บนแบบจำลองบันทึกและส่งต่อ (store-and-forward model) เครื่องให้บริการอีเมลนั้นจะตอบรับ ส่งต่อ หรือเก็บบันทึกข้อความขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของผู้ใช้ โดยที่ผู้ใช้คนนั้นจำเป็นต้องเชื่อมต่อกับระบบอีเมลภายในด้วยคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรืออุปกรณ์สื่อสารอื่น ๆ บนเครือข่าย ในการรับส่งข้อความจากเซิร์ฟเวอร์ที่กำหนด ส่วนการส่งอีเมลโดยตรงจากอุปกรณ์สู่อุปกรณ์นั้นพบได้ยากกว่า
อีเมลในเมืองไทยเริ่มต้นมีการใช้ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2531 โดยอีเมลฉบับแรกของไทยเกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ส่งไปยังมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นเป็นเพียงข้อความสั้นๆ ในการทดสอบระบบ






3. บริการเครือข่ายสังคม (social network service) เป็นรูปแบบของเว็บไซต์ ในการสร้างเครือข่ายสังคมสำหรับผู้ใช้งานในอินเทอร์เน็ต เขียนและอธิบายความสนใจ และกิจการที่ได้ทำ และเชื่อมโยงกับความสนใจและกิจกรรมของผู้อื่น ในบริการเครือข่ายสังคมมักจะประกอบไปด้วย การแช็ต ส่งข้อความ ส่งอีเมล วิดีโอ เพลง อัปโหลดรูป บล็อก การทำงานคือ คอมพิวเตอร์เก็บข้อมูลพวกนี้ไว้ในรูปฐานข้อมูล sql ส่วน video หรือ รูปภาพ อาจเก็บเป็น ไฟล์ก็ได้ บริการเครือข่ายสังคมที่เป็นที่นิยมได้แก่ ไฮไฟฟ์ มายสเปซ เฟซบุ๊ก ออร์กัต มัลติพลาย โดยเว็บเหล่านี้มีผู้ใช้มากมาย เช่น เฟสบุ๊คเป็นเว็บไซต์ที่คนไทยใช้มากที่สุด ในขณะที่ออร์กัตเป็นที่นิยมมากที่สุดในประเทศอินเดียปัจจุบัน บริการเครือข่ายสังคม มีผลประโยชน์คือหาเงินจากการโฆษณา การเล่นเกมโดยใช้บัตรเติมเงิน









วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Web Browser

Web Browser

เว็บเบราว์เซอร์ (อังกฤษweb browser) เบราว์เซอร์ หรือ โปรแกรมค้นดูเว็บ คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและโต้ตอบกับข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บในหน้าเวบที่สร้างด้วยภาษาเฉพาะ เช่น ภาษาเอชทีเอ็มแอล ที่จัดเก็บไว้ที่ระบบบริการเว็บหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์หรือระบบคลังข้อมูลอื่น ๆ โดยโปรแกรมค้นดูเว็บเปรียบเสมือนเครื่องมือในการติดต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเวิลด์ไวด์เว็บ
เว็บเบราว์เซอร์ตัวแรกของโลกชื่อ เวิลด์ไวด์เว็บ [1] ขณะเดียวกันเว็บเบราว์เซอร์ที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบันคือ กูเกิลโครม

ตัวอย่าง

1.Firefox

2.Opera
3.Safari
4.Crazy Browser
5.Maxthon Browser
6. Google chrome 
7. Internet Explorer 


วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

แนะนำตัว

ชื่อ นายสิทธิศักดิ์ ทาสิงห์ เลขที่ 20 ชั้น ม.5/3
ชื่อเล่น ไผ่ตง
วันเกิด 28 พ.ค. 41
เบอร์ 0830869396